ประวัติของSpiderman
สไปเดอร์แมน หรือ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์
ในยามปกติเป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับการเลี้ยงดูจากลุงเบนและป้าเมย์
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาดันถูกพิษของแมงมุมอาบกัมมันตภาพรังสี
ส่งผลให้มีความสามารถเหนือมนุษย์เขาจึงได้ประดิษฐ์เครื่องยิงใยเพื่อใช้ในการโหนและยึดเกาะรวมถึงใช้จัดการกับเหล่าร้ายด้วย
นอกเหนือจากการเป็นซูเปอร์ฮีโ ร่ในชุดคอสตูมแล้ว
เขาก็เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปที่ต้องผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเพื่อก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ให้ได้ สารพิษในตัวแมงมุมเมื่อเจอกับกัมมันตภาพรังสี
ทำให้พิษเพิ่มขึ้นอีกมากและทำให้กระบวนการเผาผลาญในร่างกายของปีเตอร์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ส่งผลให้สไปเดอร์แมสามารถฟื้นฟูจากการบาดเจ็บได้รวดเร็
วกว่ามนุษย์ปกติแม้จะยังสู้ของวูล์ฟเวอรีนและเดอะฮัลค์ไม่ได้ก็ตามที
ระบบการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้นยังทำให้เขาทนต่อฤทธิ์ของยาหรือสารใดๆที่เข้าสู่ร่างกาย
ในขณะเดียวกันก็สามารถถอนตัวจากฤทธิ์ยาได้อย่างรวดเร็วแม้แต่สารพิษที่ทำให้กลายเป็นแวมไพร์เขาก็ถอนตัวจากมันมาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่สไปเดอร์แมนไม่อาจต้านทานได้ คือเครื่องดื่มประเภทแอลกฮอล์
ซึ่งเขาจะมีความทนทานในระดับเดียวกับมนุษย์เท่านั้น
อีกทั้งสไปเดอร์แมนยังไม่อาจต้านทานความเจ็บป่วยจากเชื้อโรค
เขามักเป็นไข้หวัดใหญ่บ่อยๆ
นอกจากนี้เขายังไวต่อเอธิลคลอไรด์ที่เป็นส่วนผสมของยาฆ่าแมลงด้วยเขาสามารถไต่กำแพงได้อย่างสบายๆ
ด้วยมือ เท้า หรือจะเป็นแผ่นหลัง
เพราะตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้าและลำตัวจะมีเส้นขนเล็กๆ ที่เหนียวพอไว้ยึดเกาะ
เขายังสามารถไต่พื้นผิวได้ขณะใส่เสื้อผ้าที่ไม่หนาเกินไป
นอกจากนี้เขายังแข็งแรงในระดับเหนือมนุษย์
โดยมาจากความสามารถของแมงมุมทั่วไปที่แบกของหนักกว่าตัวได้ถึง 150 เท่า
สไปเดอร์แมนสามารถยกของที่มีน้ำหนักถึง 20-25 ตันได้เลยทีเดียว
เขายังวิ่งได้ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์มากๆ
เพียงแต่เขาชอบที่ห้อยโหนด้วยใยแมงมุมมากกว่า
ร่างกายเขามีความคล่องตัวและการตอบสนองสูงมาก
และเมื่อความไวนี้รวมเข้ากับเซนส์แบบแมงมุมที่หยั่งรู้ภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทำให้เขาหลบหลีกการต่อสู้ได้ทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่การถูกปืนจ่อหัว
เขายังทรงตัวได้ดีไม่ว่าจะอยู่บนพื้นผิวใด เดินบนเส้นลวดด้วยนิ้วเดียว
หรือยืนบนกำแพงในท่าขนานกับพื้นดิน
เนื้อเยื่อและเส้นเอ็นของเขานั้นมีความยืดหยุ่นเป็นสองเท่าของมนุษย์
ส่งผลให้เขาบิดพลิ้วร่างกายได้ทุกท่า
และความสามารถพิเศษที่ไม่มีซูเปอร์ฮีโร่คนไหน ก็คือเซนส์แบบแมงมุม
ที่แม้จะดูเหมือนการหยั่งรู้อนาคต
แต่ที่จริงแล้วมันเป็นการตื่นตัวและวิเคราะห์ถึงภัยที่จะเกิดขึ้นด้วยความเร็วสูง
ซึ่งทำหน้าที่คล้ายดับเรดาร์ของแดร์เดวิล
ที่ช่วยให้ตาบอดอย่างเขาไปถึงจุดหมายได้โดยไม่ปะทะสิ่งกีดขวางและอันตรายต่างๆ
และเซนส์แบบแมงมุมอีกอย่างคือความสามารถในการดักจับคลื่นความถี่วิทยุ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงสร้างเครื่องมือที่เรียกว่า Spider-Tracers
เพื่อถ่ายทอดสัญญาณที่ดักจับได้